เสตมเซลล์ สำหรับร่างกายเพื่อสุขภาพ ( Live Cell Therapy )

เสตมเซลล์ (รกเด็ก) สำหรับร่างกายเพื่อสุขภาพ ( Live Cell Therapy ) 

เซลล์ต้นกําเนิด STEMCELL คืออะไร

เซลล์ต้นกําเนิด หรือ สเต็มเซลล์ คือ เซลล์ต้นกําเนิดนี้ย้อนไปถึงการกําเนิดชีวิตนั่นเอง กระบวนการกําเนิดชีวิตมนุษย์หรือสัตว์นั้นๆ สเปิร์มของผู้ชายจะมาผสมกับไข่ของผู้หญิง กลายเป็น 1 เซลล์ จากนั้น 1 เซลล์จะทําการแบ่งตัวเป็นทวีคูณ กลายเป็นอวัยวะต่างๆ จนกลายเป็นมนุษย์ขึ้นมา

สเต็มเซลล์สร้างความน่าอัศจรรย์ใจ และแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของวงการแพทย์ ด้วยคุณสมบัติดังนี้

คุณสมบัติของสเต็มเซลล์

ด้วยคุณสมบัติสามประการที่กล่าวมา เมื่อสเต็มเซลล์เข้าสู่ร่างกาย ก็จะวิ่งเข้าส่วนที่ ร่างกายต้องการ ภาษาทางการแพทย์เรียกว่า Homing เพราะเมื่อร่างกายมีบาดแผล มีเซลล์ อักเสบ จะมีการหลั่งสารบางอย่างสื่อออกมา ซึ่งสารตัวนี้เป็นตัวดึงดูดให้สเต็มเซลล์วิ่งเข้าไป สร้าง หรือซ่อมแซมตรงบริเวณนั้นได้ทันที
สเต็มเซลล์แบ่งตัวเพิ่มจำนวน เพื่อทดแทนเซลล์ที่หมดสภาพ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
แบ่งตัวแล้วยังคงรักษาคุณสมบัติเดิมได้
เปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ชนิดอื่นได้ถ้าจำเป็น

ทำไม Mesenchymal Stem Cells (MSC) จึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย

            MSC เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่มีคุณสมบัติ เปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ต่างๆ และยังสามารถนำไปใช้กับผู้อื่นได้โดยไม่เกิดการต่อต้านของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของผู้รับ เรียกว่า Universal donor ดังนั้นจึงนำมาใช้ในการรักษาเซลล์บำบัด (Cell Therapy) อย่างกว้างขวาง

  ปัจจุบัน งานวิจัยทางการแพทย์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้โรคหลายชนิด ที่สมัยก่อนไม่สามารถรักษาได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีงานวิจัยด้านเซลล์ต้นกำเนิดทำให้หลายโรคสามารถรักษาได้ในปัจจุบัน เช่น

·       โรคเส้นประสาทไขสันหลังขาด (spinal cord injury)

·       โรคจอประสาทตาเสื่อม (Macular degeneration)

**และยังมีอีกหลายโรคที่ผลงานวิจัยมีการยืนยันว่าเซลล์ต้นกำเนิด **สามารถทุเลาความรุนแรงของโรคเหล่านั้นได้ เช่น

·       โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (Diabetes mellitus)

·       โรคภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ (Autoimmune)

·       ข้อเข่าเสื่อม (Osteoartritis)

·       กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute myocardial infarction)

**และยังมีหลายโรคที่มีการศึกษาวิจัยกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้การใช้เซลล์ต้นกำเนิดจึงแพร่หลายยิ่งขึ้นทุกๆ วัน การรักษาด้วย STEMCELL THERAPHY เป็นประโยชน์ที่เราจะสามารถนำมาใช้เมื่อถึงคราวจำเป็นได้เสมอ

กรณีของสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือ และจากเยื่อหุ้มรก ถือเป็นเซลล์ต้นกำเนิดอีกชนิด (Mesenchymal Stem cell หรือ MSCs) ที่เป็นความคาดหวังของวงการแพทย์ในอนาคต มีรายงานการวิจัยมากมายที่มีการนำไปใช้ในการฟื้นฟูความเสื่อมจากภาวะโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย หลากหลายงานวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือและจากเยื่อหุ้มรก สามารถใช้ได้กับทุกคน โดยไม่ต้องตรวจความเข้ากันของเนื้อเยื่อที่เรียกว่า HLA Matching และด้วยคุณสมบัติและประสิทธิภาพของสเต็มเซลล์ชนิดนี้ ช่วยในการลดการอักเสบของเซลล์ในร่างกายได้เป็นอย่างดี จึงมีงานวิจัยหลายฉบับ ที่มุ่งเน้นการนำสเต็มเซลล์ชนิด MSCs มาพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ในแง่การฟื้นฟูความเสื่อมที่เกิดขึ้นตามวัย หรือที่เรียกกันว่า Rejuvenate หรือ ใช้ในทาง เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging)         

• *ควรใช้ต่อเนื่องทุกๆ 6 เดือน – 1 ปี

“สเต็มเซลล์” เซลล์ต้นกำเนิดในปัจจุบัน มีการศึกษาและนำไปพัฒนาในด้านไหนบ้าง?

สเต็มเซลล์ หรือเชลล์ต้นกําเนิด คือเซลล์ของร่างกายคุณเอง ช่วยซ่อม แซมเนื้อเยื่อที่เกิดความเสียหาย ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่สามารถแบ่งตัวเองขึ้นมา ใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า ในปัจจุบันนอกเหนือจากความสําเร็จและความปลอดภัย ในการใช้สเต็มเซลล์เพื่อรักษาโรคเลือด โรคความเสื่อม การบาดเจ็บจากการ เล่นกีฬา อุบัติเหตุ แผลเรือรังจากไฟไหม้ หรือแผลเบาหวาน ที่มีการใช้กันอย่าง แพร่หลาย

• ผลการวิจัยบ่งบอกว่า

  สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือและจากเยื่อหุ้มรก ใช้ได้ทุกวัย ทำให้อาการป่วยดีขึ้น โดยภาวะเสื่อมที่พบได้บ่อย และเริ่มมีการใช้ในทางการแพทย์

   

  โรคชรา หรือโรคความเสื่อมที่เกิดจากวัย

  rejuvenation medicine มีการใช้สเต็ม เซลล์เพื่อเข้าไปซ่อมแซมฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อม ทั้งที่ผิวหน้าและภายในร่างกาย เพื่อชะลอวัยได้อย่าง มีประสิทธิภาพ

  โรคไขข้ออักเสบ โรครูมาตอยด์, โรคข้อเสื่อมต่างๆ

  ปัจจุบันใช้สเต็มเซลล์ในการ ฟื้นฟูข้อเข่าเสื่อม เพื่อเข้าไปซ่อมแซมและเสริมสร้างการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนในข้อเข่าได้จริง

  เบาหวาน (ชนิดที่ 1)

  โรคที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกร่วมกับความเสี่ยงจาก พันธุกรรม กลายเป็นหนึ่งในโรคที่พบบ่อยของมนุษย์ เบาแวานท้าให้เกิดภาวะแทรกซ้อน มากมาย เช่น แผลเบาหวาน เบาหวานที่ไต สเต็มเซลล์สามารถนํามาใช้ในการรักษาแผลเบาหวาน ให้หายได้ และยังสามารถเปลี่ยนรูปเป็นเซลล์ซึ่งผลิตอินซูลินได้อีกด้วย ทําให้ลดการใช้ยาได้ รวมถึงอาการต่างๆจากโรคสขึ้น เช่น อาการชาปลายมือปลายเท้า ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยง่าย เป็นต้น

  โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด

  เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตาย เส้นเลือกหัวใจอุดต้น รวมถึงโรคหลอดเลือดอื่นๆ เช่น โรคเสื่อม สมรรถภาพทางเพศ การใช้สเต็มเซลล์จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีในการสร้างเส้นเลือดใหม่ และสร้างเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เป็นต้น

  โรคทางระบบประสาท

  เช่น พาร์คินสัน อันโซเมอร์ ไขสันหลังบาดเจ็บ ไขสันหลัง อักเสบ โรคหลอดเลือดสมองตีนหรือแตก อัมพฤกษ์ อัมพาต จอประสาทตาเสื่อม ซึ่งพบ มากขึ้นเรื่อยๆตามอายุเฉลี่ยขอประชากร การรักษาที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจลดอาการ ได้บ้าง แต่ไม่สามารถแก้ไยพยาธิสภาพของสมอง ชลล์สมองที่ตายไปแล้วได้ แต่พบว่า สเต็มเซลล์สามารถสร้างตัวเองเป็นเซลล์ประสาทได้ และป้องกันการสูญเสียของเซลล์ ประสาทได้อีกด้วย

  โรคระบนประสาทในเด็ก

  เช่น ออทิสติค Rette syndrome Cerebral palsy มีรายงานว่า การใช้สเต็มเซลล์ทําให้ผู้ป่วยเหล่านี้อาการดีขึ้น

  โรคไตวาย

  มีผู้ป่วยหลายรายที่ใช้สเต็มเซลล์รักษาโรคอื่นๆ แล้วทําให้การทํางาน ของไตดีขึ้น ค่า creatinine ลดลง

  ภาวะภูมิคุ้มกันโรคต่อต้านตนเอง

  เช่น Systemic Lupus Erythematosus (5L6 โรคหอบหืด, โรคภูมิแพ้ มีรายงานว่าการใช้สเต็มเซลล์ทําให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น

  โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องและโรคอื่น ๆ

  ที่มีงานวิจัยว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น

• Multiple sclerosis
• Critical limb ischemia เส้นโลหิตตีบ ขาดเลือด 
• Chronic Obstructive Pulmonary Disease (COPD) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 
• โรคปอดอุดกั้น ALS (Amyotrophic lateral sclerosis) 
• Liver disease โรคตับ 

• มีเนื้องอก
• เป็นมะเร็ง หรือมีความเสี่ยงโรคมะเร็ง

โปรดติดต่อ ขอคำปรึกษา และวิเคราะห์สุขภาพของท่านได้ทุกวัน จากผู้เชี่ยวชาญด้าน ศาสตร์ชะลอวัย โดยวิธี เซลล์บำบัด

    v www.realswisscell.com

v     LINE ID : REALSWISSCELL

v TEL : 089 456 6959